วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

my maldives in november 2013



สวัสดีครับชาวรีวิวทุกคน ขอแนะนำตัวก่อนน่ะครับ ผมi-จ๋วน เป็นคนธรรมดาที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ หรืออาจจะเรียกว่าคลั่งก็ว่าได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่เวลา สถานที่ โปรโมชั่น และที่สำคัญตังค์ซึ่งจะขาดไม่ได้เลยทีเดียว มันยังเป็นตัวแปรหลักในการตัดสินใจไปท่องเที่ยวแต่ละที่ด้วย..ว่ามั้ยครับ

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมลุกขึ้นมาทำรีวิวอย่างจริงจัง เนื่องจากประทับใจในหลายๆอย่างในทริปนี้ กลับมาเป็นอาทิตย์แล้วก็ยังอยากกลับไปอีก(ย้อนดูรูปทุกวัน) ทริปที่ผมเอ่ยถึงก็คือ "มัลดีฟส์" ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นอีกจุดหมายที่หลาายๆคนอยากไป โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบ และหลงรักในทะเล หาดหราย ชายหาด แสงแดด และโลกใต้น้ำ 

ทริปนี้เป็นทริปที่มีการตัดสินใจก่อนการเดินทางเพียงอาทิตย์เดียวเห็นจะได้ ทุกอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนงงๆ ว่าเออ..นี่เรากำลังจะเดินทางข้ามคาบมหาสมุทร ข้ามประเทศกันเหรอ ครั้งนี้ผมไปกับพี่สาวครับ(แสดงว่าต้องมีครั้งหน้า) เรื่องของเรื่องมัลดีฟส์เป็น1ในหลายๆสถานที่ที่ผมใฝ่ฝันอยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต(ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนภูเก็ต อยู่และเติบโตมาบนเกาะ) เปิดใจกันชัดๆเลยว่าที่ตัดสินใจไปก็เพราะเห็นโปรโมชั่นของบางกอกแอร์ซึ่งไปกลับก็รับได้อยู่(22,xxx) ก็เลยทำการเช็คห้องพักซึ่งผมเลือก Centara Ras Fushi ซึ่งอยู่ใกล้กับ Male' สามารถนั่งเรือไปได้ไม่ไกลเกิน แต่หากเลือกโรงแรมที่ไกลออกไปยิ่งมากเท่าไหร่นั่นหมายความว่าต้องเลือกนั่งsea planeเพราะไม่งั้นนั่งเรืออีกหลายชั่วโมงกันเลยทีเดียว ซึ่งค่าsea planeก็เป็นหมื่นแล้ว(แอบไม่ไหว) ผมเลือกจองแบบ All Inclusive Package ซึ่งคุ้มมากกับราคาที่ได้มา กินดื่มได้ตลอด(แต่ก็ไม่ใช่สั่งตอนตีสามน่ะครับ) คอนเฟิร์มห้องเรียบร้อย กลับมาจองตั๋วเครื่องบินต่อกันเลย หลังจากเช็คข้อมูลกับเพื่อนแล้ว ชีแนะนำมาว่าของศรีลังกาแอร์ก็ไม่น่าเกลียด ตัวเลือกเยอะ ราคาถูก พอเข้าไปเช็คก็เป็นไปตามนั้นครับ มีให้เลือกหลาย option ติดก็ตรงที่ต้อง transit ที่ศรีลังกาก่อนที่จะไป Male' ราคาต่อเที่ยวจากกรุงเทพก็อยู่ที่ 5,xxx เท่านั้น ซึ่งของเค้าถูกจริงๆ ดูไปดูมา ก็เลยตัดสินใจๆไปกับศรีลังกาแอร์ และกลับกับบางกอกแอร์ ซึ่งกระทบเวลางานน้อยสุด

หลังจากจองทุกอย่างเรียบร้อย เริ่มจัดชุด พร้อบเพริ้บสำหรับทริปนี้กันเลย

และวันเดินทางก็มาถึง วันที่31/10/2013 เที่ยวบิน  UL887 ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็ลั้ลลากับการช้อปปิ้งที่ดิวตี้ฟรีซะหน่อย เสร็จก็ไปนั่งพัก หาไรกินที่เล้าจน์ 

พร้อมละ



เอาไปแค่นี้ก็พอ



ช้อปไปช้อปมา นี่ขนาดจัดไปแล้วที่รางน้ำน่ะ-.-"



จัดเต็ม กลัวกินอาหารบนเครื่องไม่ได้


จากนั้นก็ไปรับของที่ซื้อก่อนหน้าที่คิงพาวเว่อร์รางน้ำ 1ในนั้นก็มีน้ำหอม 150ml.ซึ่งมีพนักงานทักมาว่าไม่แน่ใจว่าจะมีปัญหาตอน transit หรือเปล่า เราก็อ้าวววว จนทที่รางน้ำไม่เห็นบอกเลย ก็เลยจะทำการฝากไว้แล้วค่อยมารับตอนขากลับ(รวมกับของที่เพิ่งซื้อไป) ก็ชักช้าอืดอาดยืดยาด นั่นนู่นนี่ จนสายการบินประกาศขึ้นเครื่อง พี่สาวผมก็เลยให้ผมไปขึ้นเครื่องก่อน สรุปก็ต้องเสี่ยงหิ้วขึ้นเครื่องไปด้วย ถ้ามีปัญหาอะไร กลับมาคิงพาวเว่อร์..น่าดู!!! 


Cabin Crewของสายการบินนี้ แอร์ก็ใส่สาลี่สีเขียวลายนกยูง สจ๊วตก็สูทธรรมดา ก็เป็นคนท้องถิ่น แล้วก็มีแอร์จีนคนนึงเพราะผดสจีนเยอะมาก(ไปไหนก็เจอ) เครื่องลำใหญ่ ทุกซีทมีหน้าจอส่วนตัว มีช่องเสียบ USB หนัง เพลงมีให้เลือกเยอะและอัพเดทมาก ผมเลือกที่จะดู The Reef 2 เป็นการบิ้วอารมณ์ไปในตัว
  



ระบบและหน้าจอดีมาก เป็นแบบ Touch Screen มีช่อง USBด้วย


จากนั้นก็ดู Now You Can See Me อาหารที่เสิร์ฟผมเลือกชุดปลาครับ อร่อย รสชาติดีทุกอย่าง ของเคียงก็มีอกเป็ดรมควัน สลัด ขนมเค้ก ผิดกับที่เคยอ่านเจอ สรุปว่ากินเกลี้ยง ผมว่าอาหารดีกว่าสายการบินบ้านเราในบางเที่ยวบินซะอีก


เลือกกินเมนูปลาดีกว่า

อร่อยกว่าที่คิดเยอะ

ก็หลับๆตื่นๆ ผดสเกือบ 70%เป็นคนท้องถิ่น 15%เป็นจีน-เอเชีย 15%ฝรั่ง และเหมือนจะดูว่ามีคนไทยแค่เราสองพี่น้อง เผลอแผลบเดียว อ้าวกัปตันประกาศลดระดับเพื่อลงจอดซะแล้ว ถึงสนามบิน พร้อมสายฝนที่กำลังโปรยปราย 



เข้าอาคารผดส ผมว่าเค้าจัดไฟสวย เพราะแสงจะกระทบกับพื้นหินอ่อนได้อย่างสวยงาม ที่นี้เราก็มุ่งหน้าไปยัง Information ของสายการบินเพื่อสอบถามถึงเจ้าน้ำหอม 150ml. ที่หิ้วมาว่าจะมีปัญหาตอน transit มั้ย เพราะถ้าไม่ได้ เราจะต้องออก Immigration เพื่อทำการเช็คอินและโหลดประเป๋าเพิ่ม โชคดีที่ no problem ก็มุ่งหน้าไปยังอาคารผดสขาออก





ก็นอนรอตามอัธยาศัยเลยคราวนี้ นั่งๆนอนๆ รอขึ้นเครื่องตอนเช้ากับเที่ยวบิน  UL101





01/11/2013 เที่ยวบินนี้ใช้เวลาประมาณ 50นาที อาหารอร่อยอีกแล้ว ที่ชอบเลยก็มี Set Yogurt ซึ่งตอนที่เห็นก็ยังแอบงงว่าหน้าตาจะเป็นยังไง พอแกะออกมา มันก็ตามชื่อเลยคครับ แน่นๆคล้ายๆพุดดิ้ง รสชาตเข้มข้นลงตัว


อากาศดีมากๆ

อาหารเช้าบนเครื่อง อิ่มอร่อยกำลังดี

 แล้วก็มาถึงสนามบิน Male' ที่มัลดีฟส์ โชคดีที่เลือกที่ window seat อากาศดีมาก วิวสวย ต้องเดินเข้าอาคารผดสเองซึ่งไม่ไกล ลมเย็น แดดดี ฟ้าใส แต่พอมองไปรอบๆ แอบเห็นร่องรอยของสายฝนที่น่าจะตกลงมาเมื่อคืน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
หลังจากผ่านกระบานการตม.ที่นั่นเรียบร้อย ก็รอรับกระเป๋าละครับทีนี้ เนื่องจากปวดฉี่และอยากเข้าห้องน้ำตั้งแต่เข้าตัวอาคาร แต่มั่นใจว่าต้องมีให้เราเข้าหลังจากผ่านตม. ประทานโทษ ด้านในไม่มีห้องน้ำน่ะครับ มีแค่ที่ด้านหน้าก่อนตม.ทีเดียว กรรมละซิ ยืมหนีบรอกระเป๋า โชคดีที่กระเป๋าออกมาเร็ว รีบเดินออกไปเพื่อนข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน
เพื่อนที่น่ารักยืนรอรับอยู่ที่ทางออก ดีใจกันพอหอมปากหอมคอ แค่น้ำทะเลที่สนามบินก็เรียกน้ำย่อยได้ไม่น้อย น้ำใสมาก แม้จะเป็นริมฝั่งที่เรือจอดอยู่นับสิบ แดดดี ท้องฟ้าสวยงาม แค่บริเวณนี้ก็ได้มาเป็นร้อยรูปละครับ ตัดสินใจกันว่าเพื่อนสาวจะพาไปเดินที่ Male’ Town ก่อนเข้าโรงแรม ก็เลยฝากกระเป๋าไปกับ Airport REP. เพื่อส่งไปที่โรงแรมได้เลย






นั่งเรือข้ามฟากจากสนามบินไปเมืองมาเล่ ตั๋วเรืออยู่ที่ 20บาทประมาณ 15นาที พอไปถึงชีบอกว่าลืมไปว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันหยุดของคนที่นี่ ก็เลยดูเงียบๆ ร้านค้ากว่า 90% ปิด แต่ก็ได้อีกบรรยากาศ เสียดายที่นี่ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาด ขยะเกลื่อนทั้งพื้นดิน และพื้นน้ำ เพื่อนนำทางเดินตามตรอกซอกซอย 
ถ่ายรูปกับกำแพงเก่าๆบ้าง สีสดๆบ้าง สถานที่สำคัญอย่างมัสยิด บ้านพักประธานาธิบดีก็ไม่พลาด จากนั้นก็เดินข้ามไปตลาดปลา ก็ให้อารมณ์แบบตลาดสดบ้านเรา ปลาที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นปลาตัวใหญ่ ที่มากที่สุดเห็นจะเป็นทูน่า เนื้อแน่นเหมือนจะปริออกมายังไงยังงั้น ถัดจากตลาดปลาก็เป็นตลาดผัก ผลไม้ ซึ่งที่นี่เค้าจะขายเป็นผล เป็นชิ้น ไม่ใช่เป็นขีด เป็นกิโลเหมือนบ้านเราแม้กระทั่งกล้วย พริก ก็ขายเป็นลูกเป็นเม็ด ที่เห็นเยอะเลยก็มีกล้วย มะละกอ พริก มะพร้าว 











เพลิดเพลินกับวิถีของชาวมาเล่แล้ว ได้เวลาขึ้นเรือไปโรงแรมละครับ ใช้เวลาประมาณ 45นาที เป็นเรือไม้ลำใหญ่
ถึงโรงแรม Centara Ras Fushi ด้วยอากาศที่ร้อนเอาเรื่อง check in รับผ้าเย็น จิบ welcome drink ระหว่างรอเอกสาร จากนั้นเคลียร์กระเป่าพร้อมของฝากให้คุณเพื่อน Water Villaที่จองไว้เสร็จเรียบร้อย early check in 








แต่เนื่องจากเที่ยงกว่าแล้ว เลย lunch กันก่อนดีกว่า เป็น buffet lunch ที่ Ocean Restaurant  อาหารเยอะมากทั้งคาวหวาน อาหารพื้นเมือง ซีฟู๊ด ของเค้าจัดหนักจริงๆ อาหารไทยก็ยังมีเลยครับ CHEERS!!! กันเล็กน้อย ไหนๆก็ incl. แล้วนิเน้อะ สักแก้วเบราๆ






อิ่มหนำกันแล้วก็นั่งbuggyไปที่วิลล่า โซนนี้จะเป็นทางเดินและขับbuggyตรงกลาง สองข้างเป็น Water Villa West & East ผมได้#375 East ครับ ภายในครบครัน ระบบน้ำดีมาก เปิดระเบียงออกไปก็เป็นมหาสมุทรอินเดียเลยทีเดียว มีพื้นที่นอนอาบแดด นั่งเล่น และมีบันไดทอดยาวลงไปในทะเลเลยทีเดียว น้ำใสมาก ปลาว่ายผ่านไปมาเยอะมาก ที่บันไดเค้าก็มีฝักบัวให้ล้างตัวก่อนเข้าไปในห้องให้ด้วย







เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากการดื่มด่ำกับทะเล แสงแดด น้ำใสๆ ถ่ายรูปไม่ยั้ง ถึงเวลาต้องรีบอาบน้ำ(ภาพที่เห็นนั้นคือสภาพค้างคืนจากสนามบิน)555 อาบน้ำเปลี่ยนชุดสักหน่อย พร้อมออกไปjoin Afternoon Tea ตามด้วย alcohol เบราๆรอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ที่ Viu Bar




                                        







จิบไปจิบมา พระอาทิตย์ก็คล้อยต่ำลง ท้องฟ้าเป็นหลากหลายสี ไม่ว่าจะเป็นฟ้า เขียว ชมพู ม่วง ไปถึงส้ม ในช่วงที่กำลังลงไปอยู่กับน้ำทะเลในช่วงกลางคืน








แล้วก็ถึงเวลาดินเนอร์ คืนนี้เลือกกินอาหารอิตตาเลี่ยนก่อนดีกว่า La Brezza เป็นห้องอาหารที่ติดกับสระว่ายน้ำส่วนกลาง เป็นindoor และ outdoor เลือกoutdoor รับลมเย็นๆดีกว่า













 เนื่องจากเป็น All Inclusive Package ทางโรงแรมก็มีเมนูที่จัดไว้ให้เราเลือก ถึงแม้เมนูจะน้อยไปหน่อย แต่รสชาติ และความสด ถือว่าเยี่ยม มื้อนี้จัดSparkling Wineไปเบราๆ ขวดนึง จะได้นอนสบาย..เจอกันใหม่พรุงนี้น่ะครับ

รู้สึกตัวมาประมาณตีห้าครึ่ง (เวลาบ้านเราก็เจ็ดโมงครึ่ง) ก็ว่าจะนอนต่อ แต่พี่สาวบอกว่าพระอาทิตย์กำลังขึ้น ก็เลยล้างหน้าล้างตา เตรียมพร้อพพร้อมถ่ายรูป






            ด้วยความใสของน้ำทะเล เลยอดใจไม่ได้ที่ต้องลงไปแหวกว่าย ทั้งๆที่เช้านี้ก็มี Snorkeling Trip

ได้เวลาก็อาบน้ำเตรียมตัวไปbreakfast แล้วก็ไปทริป ดูซิว่าการ snorkelingที่นี่กับบ้านเรา ที่ไหนจะเจ๋งกว่า แตกต่างกันยังไง ระหว่างทางจะเจออะไรบ้าง มาดูกันครับ









              ส่วนปลาเล็กปลาน้อยนับร้อยนับพันไม่ต้องพูดถึงมีให้เห็นทั้งวันทั้งคืน ไปไหนก็เจอ

เจอแค่กระเบนกะน้องฉลาม บวกกับรีบทำเวลาเพื่อขึ้นเรือไปทริป ลืมถ่ายรูปมื้อเช้าซะงั้น อาหารเยอะแน่นอน เมนูที่เป็นปลา อาหารทะเลสดมากครับ (ทั้งนี้ต้องออกตัวก่อนเลยว่า คนที่กระเป๋าหนักหน่อย ได้พักที่ไกลๆ ได้divingก็คงคิดว่าแค่นี้ธรรมดามาก เพราะผมลงIG แล้ว hash tag maldives ไป ก็เลยมีคนมาclick likeให้ พอเข้าไปดูของเค้า โอ้โหวววว แมนต้าเรย์ตัวยักษ์นับสิบตัว ฉลามวาฬไรงี้ ฝูงโลมาว่ายกระโดดโต้คลื่นมั่งละ ทำเอาของเราเจื่องไปเลย แต่แค่นี้ก็แฮปปี้ดี๊ด๊าละครับ

                             เอ้า..อย่ามัวโอ้เอ้ รีบรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อไปทริปกันดีกว่า











ทริปนี้ได้ไปสองเกาะครับ เริ่มเก้าโมงถึงเที่ยง เนื่องจากเห็นกระเบนกับฉลามที่อยากเห็นแล้ว คราวนี้ก็อยากเห็นเต่า ก็ได้เห็นครับ ตัวใหญ่เลย แต่เนื่องจากจุดที่เราดำน้ำเป็นบริเวณcoral reef เราเลยเห็นลุงเต่าว่ายอยู่ส่วนลึกของท้องทะเล ทำให้จับภาพไม่ได้ รวมถึงฉลามที่ตัวใหญ่กว่าที่เจอแถวโรงแรม ว่ายน้ำได้เร็วมาก ดีที่ไม่พุ่งมาทางเรา ถึงจะเป็นทริปที่สั้น ก็เอาเพลียไปตามๆกัน
ทั้งนี้ต้องขอชมบริการและระบบความปลอดภัยของที่นี่ boat crewหลายคนทำหน้าที่เป็นไกด์ แบ่งแขกเป็นกลุ่มแล้วก็ว่ายตามเค้า ค่อยๆปล่อยลงจุดละกลุ่ม ไม่ได้กระโดดตูมๆลงไปทีเดียว เวลาจะขึ้นก็ขึ้นเป็นกลุ่ม ก่อนลงก็มีการbrief ว่าควรทำอะไรยังไง หากระบบท่องเที่ยวบ้านเราได้แบบนี้ทุกทริปคงดีไม่น้อย

กลับถึงโรงแรมก็รีบอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวหม่ำมื้อเที่ยง จัดกันที่ La Brezzaเหมือนเมื่อคืนครับ แน่นอนอาหารยังคงอร่อย และไม่พ้นที่จะดื่มไวน์555 จากนั้นก็ไปดริ้งต่อที่ Viu Barเหมือนเดิม




เสร็จเนื่องจากไม่รู้จะทำอะไรก็กลับเข้าห้อง เพราะแบตมือถือรวมทั้งแบตสำรองเกือบหมดเกลี้ยง อัพกันใหญ่ โพสกันสะเทือน555
                 ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกอีกวัน ขี้เกียจออกไป ก็ดริ้งกันที่ห้องเลยละกัน




เผลอแผลยเดียว ดริ้งๆ เม้าๆ มืดอีกแล้ว ได้เวลาออกไปดินเนอร์ คืนนี้เป็นอาหารละกันครับ Suan Bua Restaurant ขอบอกว่าอาหารไทยที่นี่รสเด็ดมาก และแน่นอนยังซดไวน์555





                                        แซ่บแล้ว เมาแล้ว กลับห้องครับ เตรียมเก็บกระเป๋า:(

                             ถึงวันที่ต้องเดินทางกลับซะแล้ว..แงแง อยากอยู่ต่อ อยากอยู่ต่อ

                                 อากาศดีมากครับ แต่ก็ขอนั่งbuggyไป breakfast ไม่งั้นไม่ทันแหงๆ


ยังคงอร่อย

เก็บถาพอีกสักหน่อยก่อนเช็คเอ้าท์





ขึ้นspeed boatละครับ life vestดีมาก 

                                          มาส่งกันถึงทางเข้าเลยที่เดียว ขอบคุณมากๆ จุ๊บๆ

                                       ขากลับขอบบินตรงกับBangkok Airละกันครับ หมดพลัง

                                                                   บนรถก็ยังถ่าย555

                                               ขอบคุณพี่ปุ๋ยแห่งพีจี ที่ช่วยให้คำแนะนำดีๆ

อาหารบนเครื่องก็อร่อยตามมาตรฐานครับ

                                                          ดุหนังฟังเพลงตามประสาดีกว่า

ถือว่าเป็นทริปที่คุ้มค่าในทุกๆเรื่อง ขอบคุณเพื่อนหน่อยที่มอบสิ่งดีๆให้ ขอบคุณพี่สาวเพื่อนร่วมทริป ขอบคุณอากาศที่เป็นใจในทุกกิจกรรม ขอบคุณพี่ปุ๋ยที่ให้คำแนะนำดีๆ ขอบคุณทุกสิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตได้อย่างดี ขอบคุณโอกาสที่ทำให้ได้สัมผัสกับทริปนี้ และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแวะชม

                                          "อยากไปก็ต้องไป อย่าปล่อยให้เป็นแค่ความอยาก"